ยารักษาสิว

ยารักษาสิว      
      
เพื่อให้ผู้ที่มีปัญหาเรื่องสิว รู้จักยากลุ่มรับประทาน และยากลุ่มทารักษาโรคสิว ทั้งปริมาณที่ควรใช้ และผลเสียขอยาแต่ละตัวต่อร่างกาย ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังใช้ยาอยู่ หรือกำลังตัดสินใจจะใช้ยา
 
โรแอคคิวเทน (Roaccutane) 
 ยา Roaccutane มีข้อบ่งใช้ในกรณีที่เป็นสิวรุนแรงเท่านั้น ขนาดที่ใช้คือ 0.1-1 mg/kg/day cumulative dose 100-120 mg/kg, แต่สำหรับคนไทย ขนาดยา 10-20 mg จะเหมาะกว่าเพราะ คนไทยจะไวต่ออาการข้างเคียงมาก
 ผลเสียของยาตัวนี้ปากแห้ง ผิวหน้าแห้ง อาการ ตาแห้ง ผมร่วง ผิวแสบร้อนเนื่องจากไวต่อแสงแดด ปวดเมื่อยตามตัว เอนไซม์ตับสูงขึ้น อาจทำให้ตับอักเสบหรือมีไขมันในเลือดสูง(Triglyceride) อาจต้องเจาะเลือดตรวจเป็นระยะๆ  และที่แน่นอนคือมีผลทำให้ตัวอ่อนพิการหากแม่ได้รับยาในช่วงก่อนตั้งครรภ์ 1 เดือนและต้องไม่ให้ยานี้ขณะให้นมบุตร ต้องไม่บริจาคโลหิตระหว่างรับยาด้วย
 
 เตตตร้าซัยคลิน(Tetracycline) เป็นยารับประทานรักษาสิวที่นิยมใช้กันมาก ยาตัวนี้มักเริ่มให้ขนาด1 เม็ด (250 ม.ก.) วันละ 4 ครั้ง หรือ ครั้งละ2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ควรรับประทานยาเมื่อท้องว่างอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงก่อนอาหาร ถ้าจะรับประทานหลังอาหาร ควรรับประทานอย่างน้อยสองชั่วโมงหลังอาหาร ยาตัวนี้จะจับตัวกับแคลเซียมและเหล็กในกระเพาะอาหาร ทำให้ไม่สามารถถูกดูดซึมได้ ดังนั้นการรับประทานยาตัวนี้พร้อมกับนม ไอศกรีมหรือยาลดกรด จะทำให้ยาออกฤทธิ์ไม่ได้เต็มที่เนื่องจากยาตัวนี้มีผลต่อกระดูกและฟันของเด็กอ่อนในครรภ์ จึงห้ามหญิงมีครรภ์รับประทานยาตัวนี้
 ข้อเสียของยาตัวนี้เมื่อรับประทานต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน คือ ทำให้เกิดอาการคันในช่องคลอดและทวารหนัก เนื่องจากมีการเพิ่มจำนวนของเชื้อยีสต์บริเวณนั้น ผู้ป่วยบางรายอาจเกิดอาการคลื่นใส้ได้ 
 
 แอมพิซินลิน( Ampicillin )
 ออกฤทธิ์คล้ายกับ Benzypeni- Benzypenicillin ยานี้สามารถทำลายเชื้อแบคทีเรียชนิดแกรมบวก กรัมลบ เช่นเชื้อทำให้เกิดโรคท้องเสีย หลอดลมอักเสบ ไซนัสอักเสบ นิวมอเนีย ทางเดินปัสสาวะอักเสบ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ถุงและ ท่อน้ำดีอักเสบ แผลมีหนอง ฝี ผู้ใหญ่ 1-12 g ต่อวัน โดยแบ่งให้ทุก 4-6 ชม.
 ข้อเสียของยาตัวนี้ หายใจถี่ เกิดเสียงวี๊ด มีอาการผื่นคัน ทำให้คลื่นใส้ อาเจียน ท้องร่วง  จากการแพ้ยา ควรพบแพทย์ทันที ถ้าอาการของคุณรุนแรง หรือ มีอาการมากกว่า 2 วัน ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่ติดเชื้อ mononucleosis ผู้ป่วยที่เป็นโรคตับ ไต และ โรคเกี่ยวกับเลือด ควรมีการตรวจเป็นระยะๆ ถ้ามีการใช้ยานี้เป็นเวลานาน
 
 อิริโธรมัยซิน (Erythromycin) 
ในกรณีที่มีข้อแทรกซ้อนเมื่อได้รับยาเตตตร้าซัยคลิน ก็อาจเปลี่ยนมาใช้อิริโธรมัยซินแทน ให้ขนาด1 - 2 กรัม / วัน แบ่งให้วันละ 2 - 4 ครั้ง หลังอาหาร
 ข้อเสียของยาตัวนี้อาจทำให้เกิดอาการคลื่นใส้ได้เช่นกัน 
 
แบคทริม(Bactrim) 
ในผู้หญิงบางรายที่อาการไม่ดีขึ้นหลังได้รับยาเตตตร้าซัยคลิน แพทย์อาจเปลี่ยนมาใช้ยาแบคทริม ขนาดที่ให้คือ 4 เม็ด / วัน
 แต่ข้อควรระวังของยาตัวนี้คืออาจเกิดอาการแพ้ยา และการแพ้ยาแบคทริมอาจมีอาการ รุนแรงมาก 
 
 มิโนซัยคลิน(Minocycline) 
เป็นยาในกลุ่มเตตตร้าซัยคลินแต่ได้ผลดีกว่า จึงนำมาใช้รักษาผู้ป่วยสิวที่ไม่ตอบสนองต่อแตตตร้าซัยคลินและอิริโธรมัยซินขนาดที่ให้100 มก . / วัน
 ข้อเสียของยาตัวนี้จะทำให้เกิดรอยดำที่ฟันและ ที่รอยสิว รวมถึงในช่องปากได้ 
 
 ยาเม็ดคุมกำเนิด
ที่สามารถรักษาสิวได้ จะต้องมีส่วนผสมของCyproterone acetate ซึ่งมีฤทธิ์ต่อต้านฮอร์โมนเพศชาย โดยเข้าไปลดปริมาณการสร้าง Sebum ลดขนาดของต่อมสร้างไขมัน (Sebaceous Gland) ดังนั้นการที่ผู้ชายทานยาคุมกำเนิด สรีระทางร่างกายอาจเปลี่ยนแปลงได้ เช่น หน้าอกอาจโตขึ้น ไขมันใต้ผิวหนังเพิ่มมากขึ้น
 ผลเสียก็มีอย่างที่น่ากลัว คือมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมมากขึ้น ผลเสียอีกอย่างที่อันตรายกว่า คือ คนที่มีประวัติเป็น Migraine หรือมีการอุดต้นของเส้นเลือด ต้องห้ามทานยาคุมเด็ดขาด อาจมีการอุดตันของเส้นเลือดในบริเวณอวัยวะสำคัญ ซึ่งมีอันตรายถึงชีวิตได้ นอกจากนั้นยังอาจทำให้คลื่นไส้อาเจียน เจ็บเต้านม และเป็นฝ้าได้โดยปกติการใช้ฮอร์โมนเข้าไปเปลี่ยนแปลงภาวะสมดุลของร่างกายนั้น อาจมีผลแทรกซ้อนที่เราคาดไม่ถึงก็ได้
 
 กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) 
ส่วนใหญ่จะรู้จักกันในชื่อ BHA ช่วยเร่งการหลุดล่อนของเซลล์ผิวหนังที่ตาย เพื่อให้หลุดออกไปเร็วขึ้น จึงไม่เกิดการคั่งค้างของเซลล์ที่ตาย ดังนั้นจึงช่วยลดการเกิด Comedone อย่างไรก็ตาม ยาตัวนี้ไม่มีผลต่อการฆ่าเชื้อ P. acnes 
  ผลเสียคือ อาจมีอาการบวม แดง แสบคัน ลอก ผิวหนังไวต่อแสง และถ้าป้องกันไม่ดี อาจทำให้ผิวคล้ำขึ้น หรือเป็นฝ้าได้ 
 
 Benzoyl peroxide มีความเข้มข้น 3 ขนาด คือ 2.5, 5, 10%ทำลายเชื้อ P. acnes โดยการปล่อย อนุมูลอิสระของออกซิเจนอย่างช้าๆ ทำลายเชื้อแบคทีเรียนอกจากนี้ก็ยังทำให้เกิดอ่อนตัว และเพิ่มการหลุดล่อนของเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว ซึ่งคล้ายๆกับ Salicylic acid และเนื่องจากไม่ได้มีผลต่อการสร้าง Sebum จึงต้องใช้ยานี้ในการควบคุม รักษาสิว ตลอด
ผลเสียคือ อาจเกิดการระคายเคืองผิวหนัง ทำให้เกิดการลอก แดง คัน แสบ ผิวหนังไวต่อแสง
  
 กรดวิตามินเอ (Retinoic acid)
ออกฤทธิ์โดยเร่งการลอกของเซลล์ที่ตายแล้ว ทำนองเดียวกับ Salicylic Acid และ Benzoyl Peroxide ไม่มีผลทำลายเชื้อ P. acnes จึงต้องใช้ยานี้ในการควบคุม รักษาสิว ตลอด
ผลเสียคือ การระคายเคืองโดยเฉพาะเมื่อสัมผัสแสงแดด ผิวไวต่อแสง
 
 สเตอรอยด์โดยมากใช้Triamcinoloneใช้ในรูปฉีดเข้าหัวสิว ที่อักเสบอย่างรุนแรง เพื่อให้สิวยุบลงอย่างรวดเร็ว ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ควรใช้ยานี้ เพราะมีผลเสียต่อร่างกายมาก  
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง : http://www.wowvisage.com 
ผู้ลงบทความ : lalanlashop

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น